นายอิสสระ สมชัย (เกิด 16 ธันวาคม พ.ศ. 2489) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี หลายสมัย และมีบุตรสาวที่เป็นนักการเมืองคือ น.ส.บุญย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี
นายอิสสระ สมชัย จบชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนโพธิ์ศรี จ.อุบลราชธานี จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจาก มัธยมพิบูลวิทยาลัย จ.อุบลราชธานี สำเร็จการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาจาก โรงเรียนสิทธิ์ธรรมศาสตรศิลป์ จ.อุบลราชธานี สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรีทางกฎหมาย จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาพัฒนาสังคม จาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นอกจากนั้น ได้ผ่านการศึกษาหลักสูตรพิเศษเพิ่มเติม คือ ประกาศนียบัตรชั้นสูง หลักสูตร "การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารชั้นสูง" จาก สถาบันพระปกเกล้า (รุ่นที่ 2)
นายอิสสระ สมชัย เริ่มทำงานเป็นทนายความตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2518 ก่อนจะเข้าสู่แวดวงการเมือง ด้วยการเป็นนักการเมืองท้องถิ่น (สมาชิกสภาจังหวัดอุบลราชธานี 2 สมัย) และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี 7 สมัย (2529, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2548, 2550) เป็น 1 ใน 2 ส.ส.ภาคอีสาน ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สามารถชนะ การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดยได้เป็น ส.ส.อุบลราชธานี เขต 8 (อีกคนคือ นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส.อุบลราชธานี เขต 3) และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 เป็น 1 ใน 5 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชนะการเลือกตั้งในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย (นายอภิวัฒน์ เงินหมื่น, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร, นายศุภชัย ศรีหล้า, นายอิสสระ สมชัย และน.ส.ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ)
ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แทนนายวิฑูรย์ นามบุตร ที่ลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ซึ่งนายอิสสระ สมชัย ได้รับฉายาจากพรรคเพื่อไทย เป็น 1 ใน 10 รัฐมนตรีไร้ผลงาน ว่า "รัฐมนตรีใครรีบ..ไปก่อน" ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกสมัย
ในวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 นายอิสสระเป็นหนึ่งใน 9 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรค และเข้าเป็นหนึ่งในแกนนำ กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข) โดยมีบทบาทเป็นแกนนำที่เวทีห้าแยกลาดพร้าว ในการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 จนถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน เนื่องจากเป็นพื้นที่ ๆ เป็นจุดอันตราย ถูกโจมตีจากอาวุธชนิดต่าง ๆ บ่อยครั้ง
วันที่ 7 มีนาคม 2557 ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราอนุมัติหมายจับ "อิสสระ สมชัย" แกนนำ กปปส.แล้ว ข้อหาร่วมกันทำร้ายและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพจนได้รับอันตรายสาหัส เนื่องด้วยมีการ์ดกลุ่ม นปช. ถูกคนร้ายอุ้มไปรุมซ้อมแล้วโยนทิ้งแม่น้ำบางปะกงวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่โชคดีมีชาวบ้านช่วยชีวิตเอาไว้ได้ โดยมีการรายงานข่าวว่า เหตุดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มหน่วยรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม กปปส.โดยมีคนสั่งการคือนาย อิสสระ สมชัย ซึ่งผู้ถูกทำร้ายได้เห็นหน้าชัดเจนและจำหน้าได้
ในวันที่ 14 พฤษภาคม ปีเดียวกัน จากวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย โดยนายอิสสระเป็นผู้ต้องหาหมายเลขที่ 5
หลังจากนี้ นายอิสสระก็ได้เข้าอุปสมบทที่วัดธารน้ำไหล จังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่นเดียวกับแกนนำและแนวร่วมคนอื่น ๆ ด้วย